ตั้งด่านปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ตามพรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ บริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขานิคมอุตสาหกรรมลำพูน หมู่ที่ 4 บ้านสันป่าฝ้าย ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ลำพูน
เมื่อวันที่ 3 เม.ย 63 เวลา 22.00 น. เทศบาลบ้านกลาง, กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลบ้านกลาง, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองลำพูน, เจ้าหน้าที่กู้ภัย สมาคมกู้ภัยสว่างนครลำพูน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นิคมอุตสาหกรรมลำพูน ตั้งด่านปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ตามพรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ บริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขานิคมอุตสาหกรรมลำพูน หมู่ที่ 4 บ้านสันป่าฝ้าย ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ลำพูน พร้อมนำเครื่องพ่นแอลกอฮอล์อัตโนมัติมาตั้งไว้สำหรับล้างมือ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมีนายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมนายวรยุทธ เนาวรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน, นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ นายอำเภอเมืองลำพูน, ฝ่ายปกครอง และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดลำพูน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ในการปฎิบัติงาน รวมถึงได้ประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และแจ้งมาตรการตาม พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อช่วยในการลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดฯระหว่างกันได้ ทั้งนี้ตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 2) ดังนี้ ข้อ 1. ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่าง 22.00 - 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็น หรือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง การขนส่งพัสดุภัณฑ์ การขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก การขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศเพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ การเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติ หรือการเดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยาน โดยมีเอกสารรับรองความจำเป็นหรือเอกสารเกี่ยวกับสินค้าหรือการเดินทาง และมีมาตรการป้องกันโรคตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 1) หรือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่างๆ ของทางราชการ หรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ผู้ใดฝ่าฝืนข้อนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
ข้อ 2 ในกรณีที่มีการประกาศหรือสั่ง ห้าม เตือน หรือแนะนำในลักษณะเดียวกับข้อ 1 วรรคหนึ่ง สำหรับจังหวัด พื้นที่หรือสถานที่ใด โดยกำหนดเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่เข้มงวดหรือเคร่งครัดกว่าข้อกำหนดนี้ ให้ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นต่อไปด้วย
ข้อ 3 ในกรณีที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายบุคคลใด ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อออกไปนอกราชอาณาจักรได้ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จัดที่เอกเทศเพื่อควบคุมหรือกักกันบุคคลดังกล่าวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยมีบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืน ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
*************************************
นางสาวญาณิศา มณีขัติย์ / ข่าว
นางสาวญาณิศา มณีขัติย์ / ภาพ
งานประชาสัมพันธ์
กองวิชาการและแผนงาน เทศบาลตำบลบ้านกลาง
www.banklanglp.go.th
โทร 0-5309-0721-23 ต่อ 711